Welcome to my blog, enjoy reading.

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ESA’s new Space Shuttle: IXV may expedite future missions to Mars

The European Space Agency’s Vega rocket, which contains the agency’s Intermediate Experimental Vehicle, or IXV, is poised for liftoff this Wednesday. The aircraft will launch from Kourou, French Guiana at 13:00 GMT. 
After climbing 320 kilometers from Earth, IXV will completely separate from the Vega rocket. The unmanned spacecraft will continue to climb for several more kilometers before coasting in low orbit and initiating its descent back to Earth’s atmosphere. 
The aerodynamic shape of IXV provides the lift that flies the aircraft through space. IXV will propel itself back towards Earth with aerodynamic flaps and thrusters, and continue to collect data about its external conditions as it makes its way back to Earth’s surface. IXV will deploy parachutes to slow down its descent before landing in the Pacific Ocean. The entire mission will last 100 minutes. 
Reentering Earth’s atmosphere safely is still a major challenge for the aerospace industry as the friction created as a spacecraft reenters Earth’s atmosphere can heat the space vehicle up to extremely high degrees. ESA scientists hope that data collected from Wednesday’s test will bring them one step closer to creating reusable spacecrafts that can shuttle astronauts back and forth from space stations and return from missions to Mars. After NASA retired its Space Shuttle, the only remaining spacecraft that is able to ferry astronauts to and from the International Space Station is Russia’s Soyuz.

ที่มา : Youtube channel   TomoNews US   

วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Einstein Rosen Bridge


สะพานไอน์สไตน์ โรเซน 



Einstein Rosen Bridge

แม้ไอนสไตน์จะคิดว่าเรื่องของหลุมดำมันแปลกประหลาดมาก แต่เขาก็แสดงต่อไปว่ามันแปลกประหลาดกว่านั้นอีก คือในใจกลางหลุมดำมีรูหนอน ซึ่งนักคณิตศาสตร์เรียกว่า อวกาศที่เชื่อมต่อกันแบบพหุ นักฟิสิกส์เรียกว่ารูหนอน เนื่องจากมันก่อให้เกิดทางเชื่อมลัดระหว่างจุดสองจุด คล้ายรูที่หนอนขุดในดิน หรืออาจเรียกอีกอย่างว่าทางผ่านเชื่อมมิติ แต่ไม่ว่าจะเรียกอะไร อนาคตมันอาจเป็นหนทางสำหรับการเดินทางข้ามมิติ

ชาล ดอดสันหรือลิวอิส แครอลเป็นบุคคลแรกๆที่ขียนเรื่องนี้ให้คนทั่วๆไปได้อ่านกัน ในหนังสือเรื่อง อลิซ ท่องแดนกระจกเงา ดอดสันนั้นเป็นนักคณิตศาสตร์โดยอาชีพ เขาคุ้นเคยกับเรื่อง อวกาศที่เชื่อมต่อกันแบบพหุ เป็นอย่างดี มันคือ อวกาศซึ่งวงบ่วงที่อยู่ในอวกาศนั้นไม่สามารถหดเล็กลงจนกระทั่งกลายเป็นจุดเพียงจุดเดียวได้ โดยปกติแล้ว วงห่วงใดๆก็ตามสามารถที่จะหดเล็กลงเป็นจุดๆเดียวได้โดยไม่ยากอะไร แต่ถ้าทำการวิเคราะห์รูปทรงโดนัท เราสามารถวาง วงห่วงลงบนพื้นผิวของโดนัทนั้นโดยที่วงห่วงนั้นล้อมรอบรูของโดนัทได้ เมื่อเราค่อยๆย่อวงห่วงโดนัทนั้นให้เล็กลง เราจะพบว่ามันไม่สามารถย่อหดจนกระทั่งเป็นจุดได้ อย่างดีที่สุดคือย่อให้ล้อมรอบรูโดนัทเท่านั้น

นักคณิตศาสตร์รู้สึกยินดีกับความจริงที่ค้นพบว่าเขาสามารถค้นพบวัตถุไร้ประโยชน์ในการบรรยายอวกาศ ในปี 1935 ไอนสไตน์และศิษย์ นาธาน โรเซน ได้เสนอเรื่องรูหนอน พวกเขาพยายามใช้คำตอบเรื่องหลุมดำเป็นแบบจำลองสำหรับอนุภาคพื้นฐาน ไอนสไตน์ไม่ชอบแนวคิดที่ว่า แรงโน้มถ่วงของอนุภาคจะมีค่าเป็นอนันต์เมื่อเคลื่อนเข้าไปติดกับอนุภาคนั้น ซึ่งเป็นแนวคิดตั้งแต่สมัยนิวตัน ไอนสไตน์คิดว่า ภาวะเอกฐาน นี้ควรจะถูกกำจัดออกไป เนื่องจากความไม่สมเหตุสมผล


Nathan Rosen ไม่ใช่ นาธานโอมาน 

ไอนสไตน์และโรเซนมีแนวคิดใหม่ขึ้นมาว่าน่าจะมองอนุภาคอิเล็กตรอนให้เหมือนหลุมดำด้วยวิธีนี้ เราสามารถนำทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปมาอธิบายความลึกลับของโลกควอนตัมในทฤษฎีสนามรวมได้ เขาได้เริ่มต้นจากคำตอบของสมการที่มีหลุมดำแบบมาตรฐาน ซึ่งมีลักษณะคล้ายแจกันขนาดใหญ่ ที่มีคอของแจกันยาวลึก จากนั้นตัดคอแจกันและเชื่อมมันเข้ากับคำตอบของหลุมดำอีกอันที่ถูกพลิกกลับหัว สำหรับไอนสไตน์แล้ว โครงสร้างที่แปลกประหลาดนี้ปราศจากภาวะเอกฐาน ณ จุดกำเนิดของหลุมดำ และอาจมีพฤติกรรมคล้ายๆอิเล็กตรอน

แนวคิดที่จะใช้หลุมดำมาเป็นตัวแทนของอิเล็กตรอนไม่ประสพความสำเร็จ ทว่าทุกวันนี้นักจักรวาลวิทยาคาดการณ์ว่า สะพานไอนสไตน์ โรเซนจะสามารถเป็นประตูเชื่อมระหว่างสองจักรวาลได้ เราสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในจักรวาลหนึ่ง จนกระทั่งหล่นเข้าไปในหลุมดำ ซึ่งเราอาจถูกดูดทันทีผ่านรูหนอนไปโผล่ทะลุอีกด้านหนึ่งผ่านหลุมขาว



ที่มา : http://goo.gl/JZmjuk
        : http://goo.gl/Avf2de
     

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

-หลุมยักษ์-


ดาวพุธมีหลุมอุกกาบาตจำนวนมากจนดูคล้ายดวงจันทร์ ภูมิลักษณ์ที่เด่นที่สุดบนดาวพุธ (เท่าที่สามารถถ่ายภาพได้) คือ แอ่งแคลอริส หลุมอุกกาบาตที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,350 กิโลเมตร ผิวดาวพุธมีผาชันอยู่ทั่วไป ซึ่งก่อตัวขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว ขณะที่ใจกลางดาวพุธเย็นลงพร้อมกับหดตัว จนทำให้เปลือกดาวพุธย่นยับ พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวพุธปกคลุมด้วยที่ราบ 2 แบบที่มีอายุต่างกัน ที่ราบที่มีอายุน้อยจะมีหลุมอุกกาบาตหนาแน่นน้อยกว่า เป็นเพราะมีลาวาไหลมากลบหลุมอุกกาบาตที่เกิดก่อนหน้า



วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รูหนอน(WormHole)...ความงดงามแห่งกาลเวลา



สวัสดีจ้า ชาวอิมตี้ทุกท่าน>_<'' วันนี้จะเอาเรื่องที่เราชอบที่สุดมาลงให้ทุกคนอ่านกันนะคะ
ซึ่งเราเชื่อว่าในเวปนี้ต้องมีคนที่ฉลาดเรื่องนี้กว่าเราแน่นอน
เพราะงั้นหากเจอจุดผิดอะไรในบทความนี้ก้อจิ้มและโพสท์บอกได้ทันทีนะเจ้าคะ
เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเราเอาล่ะ ไปเริ่มเลยดีกว่าถึงการข้ามมิติและสถานที่




       ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนสำหรับผู้ที่เข้ามาในกระทู้นี้เพื่อพยายามหาอ่านเรื่องการข้ามเวลานะคะ
คือจขกท.เชื่อ(นักฟิสิกส์อันเป็นที่ชื่นชอบคนหนึ่ง)อย่างหมดใจ
ว่า"การข้ามเวลาเป็นไปไม่ได้"ถึงแม้ว่าทางทฤษฏีอาจจะทำได้ก็ตาม ใครที่อยากอ่านเรื่องนี้ก็ขอโทษจริงๆนะคะ
แต่ในเฉพาะหัวข้อจะอธิบายเรื่องการข้ามมิติเป็น
หลัก
       รูหนอนหรือ"WormHole"คือรูสองรูหรือท่อที่เชื่อมพื้นที่ในไฮเปอร์สเปซสองจุดเข้าด้วยกันเพื่อเคลื่อนที่
จากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งในอวกาศ*ไฮเปอร์สเปซคือมิติสมมุติที่อยู่นอกเหนือจักรวาลปัจจุบันของเรา*ส่วนท่อที่เห็นในรูปเรียกว่าคอคอด(Throat)


    
 ในภาพที่เห็นคือแผ่นกาลอวกาศหรือก็คือเป็นการรวมตัวกันของเวลาและอวกาศตามทฤษฏีสัมพันธภาพ
ของไอสไตน์ (หรืออธิบายง่ายกว่านั้นคือ แผ่นๆที่โค้งนั่น
ก็คือเวลาไงเจ้าคะ เวลาดำเนินไปเรื่อยของมันในสภาพของอวกาศ ทีนี้ไอ่ท่อๆนั่นก็เชื่อม"ประวัติศาสตร์เวลา"
จุดหนึ่งเข้ากับ"ปัจจุบัน"อีกจุดหนึ่งไงคะ- FantaSia)
ซึ่งตามกฏของฟิสิกส์แล้ว เราจะสามารถสร้างรูหนอนได้ถึง"3"วิธีด้วยกัน โดยวิธีพวกนั้นได้แก่...
1.ดึงรูหนอนออกมาจากฟองควอนตัม
2.สร้างด้วยเส้นคู่คอสมิกความยาวเป็นอนันต์หมุนด้วยความเร็วใกล้แสง (ตามe=mcกำลัง2ไงเจ้าคะ)
3.สร้างอลูมิเนียมทรงกระบอกความยาวเป็นอนันต์(อีกแล้ว)หมุนด้วยความเร็วใกล้แสง
      ที่จริงจากวิธีทั้งหมดนี้ ถ้าถามว่าวิธีไหนที่เสถียรที่สุดในการสร้างรูหนอน คือ2กะ3เจ้าค่ะ
 แต่เนื่องด้วยเงื่อนไขมันเว่อร์เกินความเป็นไปได้ไปหน่อย(T^T)ดังนั้น
เลยคุยกันได้แค่ข้อ1ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดเท่านั้นค่ะ

*ฟองควอนตัม(quantum Bubble)คือจุดที่กาลอวกาศเดือดและกลายสภาพเป็นฟองquantum โดยจะมีขนาดราวๆ10-44cm*ซึ่งตามทฤษฏีสัมพันธภาพของไอสไตน์บอกเราว่าฟองควอนตัมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง
(หรือก็คือในทุกๆโมเลกุลเจ้าค่ะ-FantaSia) โดยรูหนอนมีเวลาเปิดสั้นมาก เพียง
10-40วินาที (ซึ่งแน่นอนว่าเข้าไปไม่ทันแน่ๆ) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีหนทางอยู่
 วิธีที่จะทำให้มันอยู่ได้นานขึ้นคือการใส่"สารประหลาด(exotic matter)"ลงไป
ในWormHole โดยสารประหลาดที่ว่านี้ก็ประหลาดจริงๆคือมีสมบัติสสารเป็นลบ
(เป็นวัตถุด้านตรงกันข้ามของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นอยู่นี่ไงคะ ทุกอะตอมของ
ทุกสิ่งจะมีอิเล็กตรอนวิ่งวนอยู่ แต่สารประหลาดนี่จะมีโพรซิตรอนวิ่งวนแทนไงเจ้าคะ)
โดยจุดนี้จขกท.ก้อยังงงอยู่เพราะถ้าเปรียบสสารบวกที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเป็น+1
และสสารลบเป็น-1แล้ว หากทั้งสองสิ่งวิ่งเข้ามาชนกันมันจะระเบิดเละไม่มีชิ้นดี (+1-1=0)
 ทั้งนี้แล้วเราจะเอามันมาจากไหนและจะหาวิธีใส่ลงไปในรูหนอนโดยทัน
เวลา40วิได้ยังงาย- - เรื่องนั้นช่างก่อน ต่อกันเลยนะเจ้าคะ เพราะรูหนอน(น่าจะ)มีสภาพเป็นลบ
หากใส่สสารลบลงไปมันจะขยายตัวออกพอทีจะให้เราสามารถเล็ดลอด
เข้าไปได้ (เพิ่มทั้งเวลาและขนาด)(รูหนอนคือหลุมดำรูปแบบหนึ่งซึ่งมีมวลมหาศาล)

      ว่ากันว่ายังมีทางอื่นเกี่ยวกับสสารประหลาดอยู่นะคะ คือสสารบวกก็สามารถใช้แทนได้
นั่นก็คือพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นทั้งหมดของดวงอาทิตย์เป็นเวลา1ปีเจ้าค่ะ
(T^T)อ้อ! ในรูปคือรูปจำลองของexotic matterน้า
ทำไมรูหนอนจึงถูกเชื่อกันว่าข้ามเวลาได้เพราะตามกฏฟิสิกส์ปัจจุบันแล้วนั้นไม่สามารถนำมาใช้อธิบายรูหนอน เพราะมันอยู่ห่างไกลความเป็นจริงไปหน่อย
 เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่หลังWormHole นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คิดว่าเราไม่สามารถกำหนด เวลา มิติ ตำแหน่งและสถานที่ด้านหลังรูหนอนได้เลย
จึงมีความเป็นไปได้ที่จะไปยังตำแหน่งกาลอวกาศอีกจุดได้ด้วย เพราะกาล
อวกาศคือจุดที่เวลาและอวกาศรวมกันเป็นทางเดียวแล้ว
อันตรายจากการข้ามมิติ(สำหรับผู้ที่คิดจะข้ามมิติอ่านหน่อยนะเจ้าคะ)1.เรายังไม่รู้รูปแบบการปรากฏตัว"ที่แน่นอน"ของมัน ทำไมเราเขียนอย่างนี้เด๋วจะอธิบายนะเจ้าคะ
2.ความต่างชนิดของสสาร เพราะรูหนอนนั้นเป็นสภาพลบและแน่นอนว่าเราเป็นสสารบวก...
กฏข้อเนี้ยแหละที่ฉีกการข้ามมิติเป็นชิ้นๆเลย...
3.พลังงานมหาศาลที่อยู่รอบๆรูหนอนอาจบดขยี้เราจนเละหากเราขับยานพลาดไปชนมันเข้า...
4.ข้อสุดท้าย การขับยานในรูหนอนนั้นต้องระวังเป็นพิเศษ หากเข้าไป90องศาตอนขับในนั้นก็ต้อง90องศา
 ห้ามเฉียงแม้แต่องศาเดียว เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราขับ
ชนกำแพงwormhole...


ที่มา. http://goo.gl/z0sIqn